จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
จดทะเบียนประกันสังคม / ประกันสังคมรายเดือน
ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ
1. เพิ่มความน่าเชื่อถือและความมั่นคง
2. จำกัดความรับผิดชอบในหนี้สิน
3. ประโยชน์ด้านภาษี
4. ง่ายต่อการระดมทุนและขยายธุรกิจ
5. สร้างความเป็นมืออาชีพและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
1. เตรียมข้อมูลและเอกสารที่จำเป็น
ชื่อบริษัท: ต้องมี 3 ชื่อเพื่อสำรองไว้ในกรณีที่ชื่อที่ต้องการซ้ำกับบริษัทอื่น
ที่ตั้งสำนักงานใหญ่: ที่อยู่ที่จะใช้เป็นที่ตั้งบริษัท
วัตถุประสงค์ของบริษัท: ระบุประเภทธุรกิจหรือกิจกรรมหลักที่จะดำเนินงาน
ทุนจดทะเบียน: จำนวนเงินที่ผู้ถือหุ้นตกลงจะลงทุน
ข้อมูลผู้ก่อการและผู้ถือหุ้น: ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, จำนวนหุ้นที่ถือ และสัดส่วนการถือหุ้น
2. เข้าสู่ระบบและยื่นคำขอจองชื่อนิติบุคคล
เข้าเว็บไซต์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) และเลือกเมนู "จองชื่อนิติบุคคล"
กรอกชื่อบริษัทที่ต้องการทั้ง 3 ชื่อตามลำดับความสำคัญ
ระบบจะตรวจสอบชื่อและแจ้งผลการจองให้ทราบภายใน 1-2 วันทำการ
3. จัดเตรียมข้อมูลและเอกสารสำหรับระบบ e-Registration
เมื่อชื่อบริษัทได้รับการอนุมัติแล้ว ให้เข้าสู่ระบบ e-Registration เพื่อกรอกข้อมูลบริษัทและผู้ถือหุ้น
อัปโหลดเอกสารที่จำเป็น เช่น สำเนาบัตรประชาชนของผู้ถือหุ้นและกรรมการ
ระบบจะให้กรอกรายละเอียดต่างๆ ตามแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาดในการกรอกข้อมูล
4. ยื่นคำขอจดทะเบียน
ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดอีกครั้งให้ถูกต้องครบถ้วน
ยืนยันการยื่นคำขอจดทะเบียน และชำระค่าธรรมเนียมผ่านช่องทางที่ระบบกำหนด (เช่น ชำระผ่านธนาคาร)
สามารถติดตามสถานะการยื่นคำขอได้ในระบบ
5. รอผลการพิจารณา
เจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะตรวจสอบคำขอและเอกสารที่ยื่นเข้ามา
หากข้อมูลถูกต้องและครบถ้วน จะได้รับหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
หากมีข้อผิดพลาดหรือต้องการแก้ไขข้อมูล เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ไข
ผู้ก่อการอย่างน้อย 3 คน (หรือ 2 คนถ้าเป็นบริษัทประเภทจำกัด)
เตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนเริ่มกระบวนการ
ติดตามสถานะคำขออย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้พลาดการแก้ไขข้อมูล
ตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหรือสำนักงานบัญชีเพื่อความถูกต้องครบถ้วน